อังกฤษ ประกาศ ห้ามคนจาก อินเดีย ในช่วง 10 วัน เข้าประเทศ หลังจากสถานการณ์โควิดในประเทศอินเดียเข้าขั้นวิกฤติ เมื่อวันที่ 19 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการอังกฤษประกาศไม่อนุญาตให้กับผู้โดยสารที่เพิ่งเดินทางไปยังประเทศอินเดียในช่วง 10 วันเข้าประเทศ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอินเดียวิกฤติอย่างต่อเนื่อง
โดยคำสั่งดังกล่าวจะละเว้นผู้ที่ถือพาสปอร์ตอังกฤษหรือของประเทศไอร์แลนด์
รวมถึงผู้ที่พำนักอยู่สหราชอาณาจักร ทั้งนี้ประชาชนจะต้องเข้ารับกักตัวที่โรงแรมเป็นระยะเวลา 10 วัน ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ นาย แมท แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษกล่าวว่า ในขณะนี้มีผู้ป่วยที่ถูกพบในประเทศอังกฤษ 103 รายที่ติดเชื้อไวรัสเชื้อสายอินเดีย ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารที่เกี่ยวข้องกับเที่ยวบินที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ทางการอังกฤษกำลังทำการวิจัยอยู่ว่าโควิดเชื้อสายอินเดียที่ความแตกต่างจากโควิดทั่วๆไป เพื่อหาคำตอบว่าโควิดชนิดนี้แพร่ได้เร็วกว่าโควิดทั่วไป หรือ สามารถต้านทานวัคซีนได้ดีกว่าหรือไม่
ขณะนี้ยอดผู้ป่วยสะสมในอินเดียอยู่ที่มากกว่า 15 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 180,000 ศพ
อินเดีย ประกาศเตรียม ฉีดวัคซีน ให้ประชาชนอายุมากกว่า 18 ปี ท่ามกลางความกังวลถึงปัญหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอ ขณะที่ยอดผู้ป่วยใหม่ทยานสูง
เมื่อวันที่ 20 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการอินเดียประกาศว่าทางการจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ในวันที่ 1 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ท่ามกลางยอดผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาวะขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์
โดยขณะนี้ประเทศอินเดียได้ฉีดวัคซีนให้กับ เจ้าหน้าที่แพทย์, เจ้าหน้าที่แนวหน้า, ประชาชนที่มีอายุ 45 ปี หรือ อาศัยอยู่ในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งเป็นพื้นที่มียอดผู้ป่วยโควิดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามทางการอินเดียกำลังเผชิญภาวะวัคซีนขาดแคลน ซึ่งการประกาศครั้งนี้ได้นำไปสู่การตั้งคำถามถึงการจัดการบริหารวัคซีนป้องกันโควิด ซึ่งในสัปดาห์ที่แล้วทางการได้กล่าวว่า พวกเขามีวัคซีน 27 ล้านโดส ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสามารถฉีดวัคซีนได้เพียงพอแค่ 9 วันเท่านั้น
ในปัจจุบันทางการอินเดียได้อนุมัติวัคซีนสามชนิดได้แก่ วัคซีนจากสถาบันเซรุ่ม และ บารัต ไบโอเอนเท็ค ซึ่งเป็นวัคซีนที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศอินเดีย และ วัคซีน สปุตนิ๊ก ไฟว์ วัคซีนจากประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตามทางการอินเดียระบุว่าพวกเขาอนุญาตให้สามารถใช้วัคซีนที่ได้รับอนุมัติจากชาติอื่นๆได้
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาวิกฤติอีกครั้ง หลังจากที่ทางการอินเดียพบผู้ป่วยใหม่มากกว่า 2 แสนราย ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าสูงกว่าจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดเมื่อปีที่ผ่านมา
ขณะนี้ยอดผู้ป่วยสะสมในอินเดียอยู่ที่มากกว่า 15 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 180,000 ศพ
สหรัฐฯ เร่งตรวจสอบ ผลข้างเคียง จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
สหรัฐอเมริกา เร่งตรวจสอบ เพื่อเตรียมหารือหลังมีรายงานผู้รับวัคซีน จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันและ ผลข้างเคียง อื่นๆ
เมื่อวันที่ 20 เมษายน สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นาง โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นซัน วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ฉีดเข็มเดียว หลังจากที่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆมามีรายงานว่า หญิงที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดชนิดดังกล่าว เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
ซึ่งนาง วาเลนสกี ระบุว่าอีกว่า นอกจากอาการลิ่มเลือดอุดตันแล้ว ยังมีผลข้างเคียงชนิดอื่นอีก และคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) กำลังตรวจสอบผลข้างเคียงเพิ่มเติมอยู่ อย่างไรก็ตามประธานศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึง ผลข้างเคียงอื่นๆ
โดย CDC จะเข้าหารือในวันศุกร์นี้เพื่อตัดสินว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะหยุดฉีดวัคซีนชนิดนี้หรือไม่
ด้านผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเจ้าหน้าที่นี่จะอนุญาตให้เดินหน้าฉีดวัคซีนชนิดนี้ต่อไปได้ ตราบใดที่ทางเจ้าหน้าที่แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยที่เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันได้
ปัจจุบันทางการสหรัฐฯได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนชนิดนี้เป็นการชั่วคราว หลังจากที่ทำการฉีดวัคซีนชนิดนี้ไปแล้วราวๆ 7 ล้านโดส
จากการสอบถามเพื่อนของผู้ตายทำให้ทราบว่าในวันเกิดเหตุ น้องอาย และเพื่อนที่เป็นรูมเมทขับรถจักรยานยนต์เพื่อไปเรียน ระหว่างที่กำลังจะไปเรียนบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางสามแยก รถจักรยานยนต์จอดรอที่บริเวณสามแยก ก่อนที่จะถูกรถบัสชนเสียชีวิต ด้านครอบครัวและทางมหาวิทยาลัยได้พูดคุยถึงแนวทางรับผิดชอบ โดยจะพูดคุยกันอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นพิธี
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง