รัฐบาล ทำการเปิดเผยผลงานในการจัดการกับ ขบวนการนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมาย โดยภายในระยะเวลา 7 เดือน ได้ทำการยึด และทำลายซากหมูไปแล้ว 325,027 กก. (31 สิงหาคม 2565) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลงานในการจัดการกับ ขบวนการนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมาย โดยภายในระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถยึด และทำลายซากหมูนำเข้าไปได้แล้ว 325,027 กก. มูลค่าของกลางกว่า 65 ล้านบาท
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวการลักลอบนำสินค้าเนื้อและชิ้นส่วนสุกรเข้าประเทศ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลและความเสี่ยงต่อการนำเชื้อไวรัส หรือพาหะต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคระบาดร้ายแรง ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ เข้มงวดทลายและกวาดล้างขบวนการนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมาย ไม่ได้มาตรฐานมาอย่างต่อเนื่อง
โดยทางกรมฯ ได้จัดทีมตรวจค้นห้องเย็นหรือสถานที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ พร้อมกับบูรณาการงานป้องกันการลักลอบนำเข้า กับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมศุลกากร มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายที่กรมปศุสัตว์รับผิดชอบ เข้มงวดการตรวจสอบการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านราชอาณาจักร โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนติดต่อกับเมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย หากพบผู้กระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาดและถึงที่สุด ไม่ละเว้นให้กับผู้ใดทั้งสิ้น
จากความร่วมมือในการกวาดล้างการลักลอบสินค้าเนื้อแและชิ้นส่วนสุกร กรมปศุสัตว์รายงานว่า สามารถตรวจยึดซากสุกรตามพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน โดยผลการตรวจยึด 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2565) ตรวจสอบการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ 3,516 ครั้ง แจ้งความดำเนินคดี 20 คดี (ร่วมกับศุลกากร 3 คดี) ยึดและดำเนินการทำลายซากสุกร 339,192 กิโลกรัม มูลค่าของกลางกว่า 79 ล้านบาท
ในปี 2565 ผลการปฏิบัติงานช่วงเดือนมกราคม-เดือนกรกฎาคม 2565 ดำเนินการตรวจสอบการลักลอบนำเข้าจำนวน 2,425 ครั้ง แจ้งความดำเนินคดี 13 คดี (ร่วมกับศุลกากร 3 คดี) ยึดและดำเนินการทำลายซากสุกร 325,027 กิโลกรัม มูลค่าของกลางกว่า 65 ล้านบาท
นางสาวรัชดาฯ กล่าวว่า “กระทรวงเกษตรได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจับกุมผู้ลักลอบน้ำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมาย และได้ออกมาตรการการควบคุมโรค ASFอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศติดอันดับโลก ในการป้องกันควบคุมโรคดีที่สุดในเอเชีย หลังล่าสุดตัวเลขติดเชื้อ ASF ในสุกรลดลงเป็นศูนย์ ทั้งนี้ หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิด หรือสงสัยการระบาดของโรคต่างๆ ในสัตว์ ตลอดจนหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่หรือ สายด่วนกรมปศุสัตว์ 06 3225 6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง รวมทั้งผ่าน www.dld.go.th หรือแอปพลิเคชัน DLD 4.0.”
สรุปดราม่า เนตรนารียืนบนสองแถว เพจแซะลูกเสือไม่แมน ชาวเน็ตซัด ทุกคนเท่ากัน
ทัวร์ลงเพจดัง หลังโพสภาพ เนตรนารียืนบนสองแถว ในขณะที่ลูกเสือนั่งพร้อมแคปชั่นสื่อ ไม่แมน เจอชาวเน็ตจวกกลับ ‘ทำไมจะยืนไม่ได้ !?‘ ล่าสุดลบโพสต์หนีแล้ว กลายเป็นดราม่าหลังเพจดัง ผู้ติดตาม 1 แสนราย ได้แชร์ภาพเหล่าน้อง ๆ ลูกเสือ-เนตรนารี กำลังอยู่บนรถสองแถว ในภาพที่สาว ๆ เนตรนารียืน และลูกเสือนั่ง แต่เรื่องก็คงไม่เกิดเมื่อชาวเน็ตสะกิดใจกับแคปชั่นที่พวงมาด้วยว่า “น้องเนตรนารีโคตรแมนเลยว่ะ” งานนี้เรียกทัวร์ลงเพจหนักมาก พร้อมตั้งคำถาม “แล้วทำไมจะยืนไม่ได้ ?“.
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 เพจดังผู้ติดตาม 1 แสนราย ได้โพสต์ภาพ เนตรนารี 2 คน ยืนโหนท้ายรถสองแถว และลูกเสือนั่งเบาะด้านใน พร้อมแคปชั่นว่า “น้องเนตรนารีโคตรแมนเลยว่ะ” จากแคปชั่นดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตตีความได้ว่าทางเพจนั้น แซะลูกเสือไม่แมน ซึ่งหลังจากโพสต์ภาพดังกล่าวไปไม่นาน ก็เรียกคอมเมนต์จากชาวเน็ตได้เพียบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคอมเม้นต์อยู่ในฝั่งลูกเสือ พร้อมตั้งคำถามว่า แล้วทำไมเป็นลูกเสือถึงนั่งไม่ได้ หรือเนตรนารีก็ไม่ได้บากเจ็บตรงไหน ทำไมถึงจะยืนไม่ได้ ?
งานนี้กระแสเหมือนจะพุ่งตรงไปทางเดียวกันที่การตำหนิเพจ ที่นำรูปของ ลูกเสือ-เนตรนารี มาลง โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ หลายคนมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องของลูกเสือ เนตรนารี หรือ เพศชาย เพศหญิง แต่เป็นเรื่องของความเท่าเทียม ใครขึ้นก่อนนั่งก่อน หรือบางทีอาจจะเป็นความต้องการของเด็กผู้หญิงเองที่อยากยืนเองหรือเปล่า
นอกจากนี้ยังมีบางคอมเมนต์พูดถึงความเท่าเทียมกันในสังคมสมัย 2022 ไม่ว่าใครก็สามารถนั่ง หรือยืนได้ทุกคน ชาวเน็ตหลายคนจึงมองว่่านี่เป็นเรื่องของ “ค ว า ม เ ท่ า เ ที ย ม” ซึ่งมีคนได้แสดงความคิดเห็นว่า ผู้ที่ลูกเสือควรจะลุกให้นั่งจริง ๆ ควรจะเป็น “คนแก่ คนท้อง เด็ก และคนพิการ” เท่านั้น
หลังจากที่ทางเพจดังกล่าวโพสต์ภาพ และโดนดราม่าถล่มหนัก ล่าสุดได้ลบภาพดังกล่าวออกไปจากหน้าเพจเป็นที่เรียบร้อย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีฟีดตอบกลับอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง